วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

สิงห์คู่


          สิงห์ไม้แกะสลักโบราณ สวย และงดงาม ไม่ทราบที่มา

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

พระฤาษีหน้าเสือ หรือ พระฤาษีกาลสิทธิ์


           พระฤาษีหน้าเสือ หรือ พระฤาษีกาลสิทธิ์ เดิม ท่านเป็นฤาษีที่มีตะบะเดชะมาก จนฤาษีอุตริหรือฤาษีหน้าลิงได้ให้ท่านแสดงฤทธิ์ ฤาษีกาลสิทธิ์จึงจำแลงตนให้มีหน้าเป็นเสือก่อนที่ท่านจะจำแลงท่านได้ทำน้ำมนตเพื่อใช ้ในการกลับคืนสู่สภาพเช่นเดิม ด้วยความอุตริหรือความสนของฤาษีหน้าลิงพอฤาษีกาลสิทธิ์ได้จำแลงตนเป็นหน้าเสือ แล้วก็ ได้เทน้ำมนต์นั้นทิ้ง จึงทำให้ฤาษีกาลสิทธิ์กลับสู่สภาพเดิมไม่ได้

           ขอบคุณบทความจาก

                http://tewaboocha.com/?lang=th

พ่อแก่.พระฤาษี

ประวัติพ่อแก่ ตำนานของพ่อแก่ พ่อแก่ฤาษี
พ่อแก่ หรือพระฤาษี ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนในแวดวงศิลปะแขนงต่างๆ ล้วนนิยมเคารพนับถือบูชา เนื่องด้วยเกิดจากความเชื่อที่ว่า ในอดีต พ่อแก่หรือพระฤาษีได้เป็นผู้นำเอาศิลปะ แขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องรำทำเพลง หรือแม้แต่การร่ายรำ นาฏศิลป์ต่างๆ มาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์ได้รับรู้ความงาม ความอ่อนช้อยของศิลปะ รู้จักความอ่อนโยน รู้จักรัก รู้จักเมตตา และ
การให้อภัย ก่อให้เกิดความสุขแก่มวลมนุษยชาติ ดังนั้นศิลปิน หรือผู้เกี่ยวข้องในศิลปะทุกแขนง ในประเทศไทยจึงได้เคารพบูชาพ่อแก่ หรือครูฤาษีว่าเปรียบดังบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง เมื่อได้บูชาแล้วจะก่อให้เกิดศิริมงคล มีความเจริญก้าวหน้าในด้านการงาน มีเสน่ห์ เมตตามหานิยมในตัว
ความเป็นมาของพ่อแก่ หรือพ่อแก่ฤาษี
พ่อแก่, พระฤาษี หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า ครูฤาษี ถือเป็นบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระฤาษีมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 108 องค์ ปางเสมอเถรถือว่าเป็นปางที่มีฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาทั้ง 108 องค์ คำว่า ฤาษี มาจากคำว่า ฤาษิ แปลว่า ผู้เห็นด้วยความรู้พิเศษอันเกิดจากฌาน ซึ่งสามารถแลเห็นอดีตปัจจุบัน และอนาคตได้ บางครั้งก็เรียกพ่อแก่หรือฤาษีว่า
"ตฺริกาลชฺญ" แปลว่า ผู้รู้กาลทั้งสาม นอกจากนี้พระฤาษียังถือว่าเป็นผู้ประทานสรรพวิชาความรู้ ทั้งมวลแก่มนุษยชาติ เนื่องด้วยตำราทางโหราศาสตร์ และตำราทางเทววิทยา กล่าวไว้สอดคล้องกันว่า พระพฤหัสบดีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวล
เนื่องด้วยพระอิศวรมหาเทพ ร่ายพระเวทให้ฤาษี 19 ตน ป่นเป็นธุลี แล้วห่อด้วยผ้าสีแก้วไพฑูรย์ ประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นเทวราช มีสีกายดั่งแก้วไพฑูรย์ มีวิมานบุษราคัม ทรงกวางทองเป็นพาหนะ รักษาเขาพระสุเมรุด้านทิศตะวันตก มีร่างกายแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีจึงมีปัญญาบริสุทธิ์ เฉลียวฉลาด พูดจาไพเราะเสนาะหู เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวลรวมถึงเป็นอาจารย์ของเหล่าเทพเทวดา จึงให้ถือว่าวันพฤหัสบดีอันแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีเป็นวันครูจึงมีการไหว้ครูกัน
 ขอบคุณบทความจาก

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

พระฤาษีนนทิเกศวรหรือวาลมีกิ. หน้าวัว.ตาวัวและวัชรมถค


     ประวัติ ฤาษีนนทิเกศวรหรือวาลมีกิ,หน้าวัว,ตาวัวและวัชรมฤค เดิมที่เป็นพระสงฆ์ตาบอดอยู่เมืองศรีเทพ (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดลพบุรี) แต่ชอบเล่นแร่แปรธาตุท่านพยายามหาตำราสูตรต่างๆมาและตำราที่สร้างสรรค์ขึ้น เองเพื่อต้องการสิ่งที่วิเศษ จนท่านสามารถสำเร็จวิชาปรอทคือสามารถทำให้ปรอทแข็งตัวได้ท่านดีใจมาก จนวันหนึ่งท่านทำปรอทตกลงที่ถ่ายมูลท่านหายังไงก็หาไม่เจอให้ลูกศิษย์หาก็ กลัวมันรู้ จึงปิดปากเงียบจนลูกศิษย์ได้ไปเห็นแสงสีเขียวประหลาดเข้า จึงวิ่งแจ้นไปบอกท่านดีใจมากจึงรีบไปบอกให้ลูกศิษย์หยิบขึ้นมา
เลอะช่างมันเดี้ยวล้างได้ และก็เก็บใส่โถน้ำผึ้งไว้ ต่อมาท่านก็ขุ่นคิดว่า เออ เราก็มีของวิเศษอยู่ แล้วทำไมจีง
ไม่ ลองรักษาโรคตาบอดซะเลยละ ท่านจึงใช้ให้ลูกศิษย์ไปหาศพคนที่เพิ่งตายใหม่ๆและให้ควักลูกตามา เจ้าลูกศิษย์หาเท่าไรก็หาไม่เจอ จนไปเจอศพลูกวัวที่เพิ่งตายใหม่ๆเข้าจึงควักลูกตากลับมาให้ท่านแทน

   ต่อมาท่านจึงควักลูกตาที่เสียออกแล้วใส่ลูกตาวัวแทนหร้อมใช้ปรอทวิเศษของท่านคลึงที่ดวงตาไปมาผลปรากฏว่าเกิดอภินิหารขึ้น
ตาของท่านที่บอดกลับมองเห็นอีกครั้ง ท่านจึงดีใจมากแต่ซักพักท่านก็ต้องตกใจ เมื่อมองหน้าที่กระจกใบหน้าจากคนก็กลายเป็นหน้าวัว
ฝ่ายลูกศิษย์ท่านต้องขอโทษท่านเป็นอย่างมาก แต่ท่านก็ให้อภัยและก็คิดว่า...
เฮ่อ ต้องลาเพศจากการเป็นสงฆ์แล้วสิเรา เพราะกฏห้ามสัตว์เดียรฉานบวชเป็นพระ ท่านจึกสึกจากการเป็นพระมาบวชฤาษีแทน จึงมีชื่อว่า พระฤาษีตาวัวหรือหน้าวัว เข้าป่าสร้างอาศรม บำเพ็ญตบะ
และคิดค้นสร้างสรรค์แสวงหาตำราเล่นแร่ แปรธาตุใหม่ๆ จนพบกลุ่ม 10 ฤาษี โดยมี ฤาษีพิลาไลย ฤาษีตาไฟ เป็นใหญ่ จึงของอาศัยอยู่ด้วยๆจาก10เป็น11ด้วยท่านเคยเป็นพระจึงมีตบะ เหนือฤาษีองค์อื่น และมีความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุทั้งเชิงตำราเชิงคิดสร้างสรรค์เอง ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นหมอหรือนักเคมี จะบูชาพระฤาษีตาวัวหรือหน้าวัวกันไม่น้อย ท่านจัดว่าเป็นฤาษีของไทยทีมีชื่อเสียงมากที่สุดในสยาม

      ขอบคุณบทความจาก